แผ่นดินไหวในเมียนมาร์และประเทศไทยได้สะท้อนให้เห็นความร้ายแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ท่ามกลางแนวโน้มของภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก ความตระหนักรู้เกี่ยวกับความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมในการรับมือของทุกภาคส่วนจึงมีความสำคัญ โดยในช่วงเวลาวิกฤติภาคค้าปลีกมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ชุมชนมีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นผ่านการสนับสนุนช่องทางในการเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างสะดวก เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น ความท้าทายสำหรับผู้ค้าปลีกจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและซับซ้อน ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อโครงสร้างของร้านค้าอาจทำให้ร้านต้องปิดให้บริการชั่วคราว เครือข่ายการคมนาคมขนส่งอาจจะติดขัดหยุดชะงักรวมถึงอาจจะเกิดความยากลำบากในการเข้าถึงสินค้าในคลัง ขณะที่ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน เช่น อาหาร น้ำ ยา และอุปกรณ์ฉุกเฉินกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลานั้น หากมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์จะมีประโยชน์อย่างมากต่อชุมชนและระบบเศรษฐกิจ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ระบบจัดจำหน่ายมักเผชิญกับความเสียหาย ขาดประสิทธิภาพในการจัดการ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือชั้นวางสินค้าในพื้นที่ประสบภัยมักจะว่างเปล่า ขณะที่พื้นที่อื่นๆ กลับมีสินค้าค้างสต็อกจำนวนมากเกินความจำเป็น โซลูชันการคาดการณ์โดยใช้ AI (Artificial Intelligent) และ ML ...