ปลัดดีอีเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนพิษณุโลก เดินหน้าเชื่อมไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล ยกระดับชีวิตคนท้องถิ่น

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทั่วประเทศผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ล่าสุด ปลัดกระทรวงดีอี นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนแห่งใหม่ พร้อมติดตามความคืบหน้าการใช้งานระบบ e-Office และร่วมกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันข่าวปลอมในสถานศึกษา หนุนภาครัฐเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล ลดเหลื่อมล้ำ เข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม หนุนการเรียนรู้ของประชาชนทุกกลุ่ม ผ่านการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง พร้อมเยี่ยมชมระบบ e-Office เทศบาลเมืองพิษณุโลก ที่ยกระดับการบริหารงานราชการด้วยระบบคลาวด์ และเป็นประธานกิจกรรมให้ความรู้ “รู้เท่าทันข่าวปลอม” แก่นักเรียนโรงเรียนวังทองพิทยาคม สะท้อนนโยบายเร่งผลักดันประเทศสู่รัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีผู้ใช้งาน e-Office ทั่วประเทศทะลุกว่า 6 แสนคนแล้วในเวลาเพียง 5 เดือน
ศูนย์ดิจิทัลชุมชน: เครื่องมือสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่ม
ศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม เป็นหนึ่งใน 1,722 แห่งทั่วประเทศที่ได้รับการยกระดับจากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ภายใต้นโยบายกระทรวงดีอี โดยมีเป้าหมายในการยกระดับทักษะดิจิทัลให้แก่ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือห่างไกล
ภายในศูนย์ฯ ได้จัดสรรอุปกรณ์ดิจิทัลครบครัน อาทิ คอมพิวเตอร์, เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน, สมาร์ททีวี, โปรเจกเตอร์, ระบบเสียง, กล้องดิจิทัล, ชุดสตูดิโอถ่ายภาพ ไปจนถึงพื้นที่สร้างสรรค์ Co-working Space ที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างหลากหลาย รวมถึงให้บริการด้าน e-Service ของรัฐ บริการให้คำปรึกษาด้านการทำเพจ Facebook/TikTok สำหรับกลุ่มแม่บ้านและผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมอาชีพและขายสินค้าชุมชนผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce เช่น Thailandpostmart.com
“นี่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การประกอบอาชีพ และบริการของรัฐอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และยั่งยืน” ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ดิจิทัลชุมชน
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์ดิจิทัลชุมชนคือฐานรากสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับท้องถิ่น โดยให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, การฝึกอบรมการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การใช้งานแพลตฟอร์มภาครัฐ และการส่งเสริมอาชีพออนไลน์ ที่จะนำไปสู่การลดช่องว่างทางเทคโนโลยี ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสำหรับคนไทยทุกกลุ่ม
เยี่ยมชมระบบ e-Office หนุนรัฐบาลไร้กระดาษ
หลังพิธีเปิดศูนย์ฯ คณะได้เดินทางไปยังเทศบาลนครพิษณุโลก เพื่อตรวจเยี่ยมระบบการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้ Government Data Center and Cloud service (GDCC)
ปลัดกระทรวงดีอีเผยว่า e-Office คือกลไกสำคัญที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการจัดการภาครัฐ ลดความซ้ำซ้อน ลดกระดาษ เพิ่มความโปร่งใส และบริการที่รวดเร็ว
“ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 เรามีหน่วยงานภาครัฐกว่า 70 หน่วยงาน ใช้งานระบบ e-Office แล้ว รวมผู้ใช้งานกว่า 610,000 รายทั่วประเทศ เราตั้งเป้าแตะ 1 ล้านผู้ใช้งานภายในปีนี้”
สำหรับจังหวัดพิษณุโลก มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใช้งานระบบ e-Office แล้วถึง 57 แห่ง จากทั้งหมด 103 แห่ง คิดเป็น 55.3% และกำลังขยายผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังได้เร่งทำ MOU ความร่วมมือกับกระทรวงและหน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์, วัฒนธรรม, เกษตรและสหกรณ์, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ เพื่อผลักดันระบบ e-Office สู่ทุกภาคส่วน
เดินหน้ารู้เท่าทันข่าวปลอม สร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลในโรงเรียน
อีกหนึ่งภารกิจในจังหวัดพิษณุโลก คือการเดินทางไปยังโรงเรียนวังทองพิทยาคม อำเภอวังทอง เพื่อเป็นประธานเปิดกิจกรรมให้ความรู้เรื่อง Fake News – รู้เท่าทันข่าวปลอม แก่นักเรียนและเยาวชน โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงดีอี ในการสร้างภูมิคุ้มกันด้านดิจิทัล สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับข้อมูลเท็จ การตรวจสอบแหล่งที่มา และทักษะดิจิทัลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีหลักในชีวิตประจำวัน
ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การสร้างความตระหนักรู้ เสริมสร้างทักษะการใช้งานเทคโนโลยี สร้างภูมิคุ้มกัน และแนวทางป้องกันภัยทางออนไลน์ ถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงดีอี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานดิจิทัล และรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชน สอดคล้องกับที่เทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งในการเผยแพร่ข้อมูลเนื้อหาและข่าวสารที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต สร้างความเข้าใจในการวิเคราะห์ข่าว รู้จักแยกแยะข้อความที่เป็นข่าวจริง ข่าวปลอม และข่าวบิดเบือน ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผ่านการใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
ทั้งนี้จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ.2567 (ไตรมาส 1) พบว่า ประชาชนทั่วประเทศใช้โทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone มากถึงร้อยละ 96.3 ทำให้เป็นที่สังเกตว่าปัจจุบัน ข้อมูล ข่าวสาร และเนื้อหาต่างๆ มักจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและไปในวงกว้างมาก โดยเฉพาะข่าวสารที่บิดเบือนข้อเท็จจริง อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลกระทบต่อประชาชน สังคม เศรษฐกิจ หรือความมั่นคงของประเทศในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สุขภาพอนามัย นโยบายรัฐบาล และด้านอื่นๆ รวมถึงข่าวสารที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ