เปิดประตูจับคู่ “เด็ก-บจ.” ฝึกคิดไอบี “CMCC 2025” สร้างวาณิชธนกรยุค AI สู่ตลาดทุนดิจิทัล

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การพัฒนากำลังคนที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงิน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลนี้ ชมรมวาณิชธนกิจ (IB Club) และ บริษัท ฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด (FynnCorp Advisory) จึงได้ผนึกกำลังกันอีกครั้ง จัดโครงการ Capital Market Case Competition (CMCC) 2025 เป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิดสุดล้ำ “FINNOVATIVE AI SOLUTION FOR INCLUSIVE GROWTH” หรือ “นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการเติบโตของตลาดทุนไทยอย่างทั่วถึง” โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) โครงการนี้ไม่เพียงมุ่งเฟ้นหานักการเงินหน้าใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญให้ตลาดทุนไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัล ในส่วนของทรัพยากรมนุษย์ทางด้านวิชาชีพ กับบุคลากรที่มีความเข้าใจในบทบาทของวาณิชธนกิจและเทคโนโลยี AI สำหรับบริการอย่างลึกซึ้ง
CMCC 2025: เวทีสร้าง Investment Banking แห่งอนาคต
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานคณะกรรมการการแข่งขัน CMCC 2025 และประธานกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ สมาชิกบริษัทหลักทรัพย์ไทย (IB Club) กล่าวถึงความสำคัญของเวทีนี้ว่า “CMCC 2025 เป็นโอกาสสำคัญที่เยาวชนไทยจะได้เรียนรู้ พัฒนา และแสดงศักยภาพในโลกของการเงินการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยี AI และข้อมูลขนาดใหญ่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดทุน” การแข่งขันนี้จะเป็นการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากมืออาชีพตัวจริงในวงการ และมีโอกาสร่วมงานกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินชั้นนำของประเทศ
ด้าน นายพรพุทธ ริจิรวนิช ผู้อำนวยการการแข่งขัน CMCC 2025 และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FynnCorp Advisory เสริมว่า แนวคิด “FINNOVATIVE AI SOLUTION FOR INCLUSIVE GROWTH” จะเปิดเวทีให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้คิดค้นแนวทางการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในวงกว้าง และสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมองค์ความรู้ทางการเงินและผลักดันการมีส่วนร่วมของเยาวชนในระบบตลาดทุน
ในปีนี้โครงการฯ ได้มีการปรับรูปแบบการดำเนินกิจกรรมครั้งสำคัญ โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาเป็นผู้เลือกจับคู่กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ผ่านการคัดสรรจากทีมผู้จัดงาน แทนการกำหนดบริษัทให้เหมือนในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้เชิงลึกและเปิดมุมมองใหม่ให้กับคนรุ่นใหม่ในโลกของตลาดทุนไทยบริษัทที่เข้าร่วมจะได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากศักยภาพในการเติบโต และความต้องการในการสร้างเครื่องมือวิเคราะห์ทางการเงิน (Investment Banking – IB) ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง พร้อมทั้งต้องการร่วมสร้างเคสตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และสามารถประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินธุรกิจในอนาคต
ตลอดระยะเวลาโครงการ นักศึกษาจะได้รับการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IB ที่ทำหน้าที่เป็น “เมนเทอร์” คอยแนะนำแนวทางและช่วยพัฒนากระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์จริงในการเรียนรู้รูปแบบการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อออกแบบแผนการลงทุน
ที่สำคัญ ในปีนี้โครงการได้กำหนดโจทย์การแข่งขันสุดท้าทายภายใต้หัวข้อ “FINNOVATIVE AI SOLUTION FOR INCLUSIVE GROWTH” โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการเลือกใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ในท้องตลาด มาปรับใช้กับโครงงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการลดต้นทุน การวิเคราะห์กลยุทธ์ หรือการออกแบบแผนทางการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถนำไปใช้ได้จริงจากที่ได้ทำโครงงานร่วมกัน แนวทางใหม่นี้นอกจากจะส่งเสริมให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากกรณีศึกษาจริงแล้ว ยังเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนได้แนวคิดสดใหม่จากคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจและความเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยี AI กับโลกของการเงินการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เปิดเผยว่า หนึ่งในพันธกิจสำคัญของ CMDF คือการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุนและการพัฒนาตลาดทุนให้แก่ผู้ลงทุน ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กองทุนฯ ได้สนับสนุนชมรมวาณิชธนกิจและฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ ในการจัดทำโครงการการแข่งขันกรณีศึกษาด้านวาณิชธนกิจ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และสนับสนุนการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเงินแก่เยาวชนไทย โดยมีการใช้ Platform ในการจัดอบรม พร้อมกิจกรรม Workshop ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญโดยครั้งนี้ จะมีการนำเครื่องมือ AI เสริมการทำกิจกรรมออกแบบบริการ และให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัตินำเสนอความคิดผ่านการแข่งขัน
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนากำลังคนคุณภาพเข้าสู่ระบบตลาดทุนของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนิสิต นักศึกษา ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ ประกอบกับตลาดทุนไทยกำลังก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่เข้าใจกลไกตลาด และสามารถออกแบบนวัตกรรมทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โครงการนี้จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของตลาดทุนไทย” นายจักรชัย กล่าว
CMCC ปี 2025 เปิดรับสมัครนิสิต นักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 27 มิถุนายน 2568 คาดว่าจะมีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 1,000 คนจากทั่วประเทศ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 270,000 บาท พร้อมรางวัลพิเศษ “Finfluencer Award @ CMCC 2025” สำหรับผู้ที่โดดเด่นด้านการนำเสนอ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังจะได้เข้าร่วมเวิร์กชอป รับคำแนะนำจากมืออาชีพด้านตลาดทุน และมีโอกาสฝึกงานกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินระดับประเทศ
วาณิชธนกิจและวาณิชธนกร – ฟันเฟืองสำคัญของตลาดทุน
ความสำเร็จของตลาดทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากบทบาทของ “วาณิชธนกิจ” (Investment Banking) ซึ่งเป็นประเภทของบริการทางการเงิน และ “วาณิชธนกร” (Investment Banker) ผู้เป็นบุคลากรสำคัญที่ทำงานในสายงานนี้
วาณิชธนกิจ คือบริการที่ช่วยให้บริษัท ภาครัฐ หรือสถาบันต่างๆ สามารถระดมทุนและให้คำปรึกษาด้านการเงินสำหรับธุรกรรมที่ซับซ้อน โดยมีบทบาทสำคัญในตลาดทุนดังนี้:
- การระดมทุน (Capital Raising): ช่วยบริษัทในการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ เช่น หุ้น (IPO, Secondary Offering) หรือหุ้นกู้ (Bonds) แก่นักลงทุน เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ ลงทุนโครงการ หรือชำระหนี้ วาณิชธนกรจะประเมินมูลค่ากิจการ, จัดโครงสร้างการเสนอขาย, เตรียมเอกสารสำคัญ, และทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักลงทุน
- การควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers & Acquisitions – M&A Advisory): ให้คำปรึกษาแก่บริษัทที่ต้องการซื้อหรือขายกิจการ ตั้งแต่การประเมินมูลค่า การเจรจาต่อรอง ไปจนถึงการจัดโครงสร้างธุรกรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า
- การปรับโครงสร้างทางการเงิน (Restructuring): ช่วยบริษัทที่มีปัญหาทางการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้สินหรือทุน เพื่อฟื้นฟูกิจการให้กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
- การให้คำปรึกษาทางการเงินทั่วไป (General Financial Advisory): ให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์ทางการเงินแก่ลูกค้าในประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและการบริหารจัดการทางการเงิน
ความสามารถที่จำเป็นของวาณิชธนกร:
- ทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินขั้นสูง: การวิเคราะห์งบการเงิน, การประเมินมูลค่ากิจการ (Valuation), การสร้างแบบจำลองทางการเงิน (Financial Modeling)
- ความรู้ด้านตลาดทุนและกฎหมาย: เข้าใจโครงสร้างตลาด, กฎระเบียบของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ทักษะการนำเสนอและการสื่อสาร: สามารถอธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และมีทักษะการเจรจาต่อรอง
- ทักษะการแก้ปัญหา: คิดวิเคราะห์และหาทางออกสำหรับความท้าทายทางการเงิน
- การทำงานภายใต้ความกดดัน: งานมีปริมาณมากและมีกำหนดเวลาที่จำกัด
- ความละเอียดรอบคอบและแม่นยำ: การทำงานกับตัวเลขและเอกสารสำคัญ
- ทักษะภาษาต่างประเทศ: โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เนื่องจากต้องทำงานกับลูกค้าและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
- ความรู้ด้านเทคโนโลยี (AI/Data Science): ความเข้าใจในการใช้ AI, Big Data และ FinTech เพื่อการวิเคราะห์และสร้างนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
โครงสร้างตำแหน่งและฐานเงินเดือนเฉลี่ยในประเทศไทย:
- Analyst (นักวิเคราะห์): ตำแหน่งเริ่มต้นสำหรับผู้จบใหม่ (เงินเดือนประมาณ 30,000 – 60,000 บาท/เดือน ไม่รวมโบนัส)
- Associate (ผู้ช่วยผู้จัดการ): (เงินเดือนประมาณ 60,000 – 120,000 บาท/เดือน พร้อมโบนัสที่เพิ่มขึ้น)
- Vice President (VP) / Assistant Vice President (AVP): (เงินเดือนประมาณ 120,000 – 250,000 บาท/เดือนขึ้นไป)
- Director / Senior Vice President (SVP): (เงินเดือนหลักหลายแสนบาท/เดือน)
- Managing Director (MD) / Head of Investment Banking: (เงินเดือนหลักล้านบาท/เดือน พร้อมโบนัสตามผลงาน)
*หมายเหตุ: โบนัสในสายงานนี้เป็นสัดส่วนสำคัญของรายได้รวมและผันแปรตามผลประกอบการและผลงานส่วนบุคคล
บทบาทวาณิชธนกรต่อนักลงทุน
- สร้างโอกาสการลงทุน: นำหลักทรัพย์ใหม่ๆ หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลาย
- ให้ข้อมูลเชิงลึก: จัดเตรียมข้อมูลบริษัทอย่างละเอียดในเอกสารเสนอขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจลงทุน
- เพิ่มสภาพคล่องในตลาด: การระดมทุนที่เกิดขึ้นช่วยเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์ที่ซื้อขาย ทำให้ตลาดมีสภาพคล่องสูงขึ้น
- ประเมินมูลค่ายุติธรรม: ช่วยกำหนดราคาเสนอขายหลักทรัพย์ที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ของทั้งบริษัทและนักลงทุน
สถานการณ์ตลาดแรงงานในประเทศไทย: ขาดแคลน “คุณภาพ”
แม้ตลาดแรงงานในสายวาณิชธนกิจในประเทศไทยจะมีการแข่งขันสูงและเป็นสายงานเฉพาะทาง แต่ก็ยังคง ขาดแคลน “บุคลากรคุณภาพสูง” ที่มีทักษะครบวงจรตามที่ตลาดต้องการ โดยเฉพาะผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นสูง, ทักษะการนำเสนอที่โดดเด่น, และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเทคโนโลยีทางการเงินและ AI ผู้ที่สามารถผ่านการคัดเลือกและเติบโตในสายงานนี้จึงมีจำนวนจำกัด
ด้วยเหตุนี้ โครงการอย่าง Capital Market Case Competition (CMCC) 2025 ที่ IB Club และฟินน์คอร์ปจัดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก CMDF จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างภาคการศึกษาและโลกการทำงานจริง ช่วยเติมเต็มช่องว่างของบุคลากรคุณภาพในตลาดทุน และเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้ก้าวทันโลกดิจิทัลและสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึงในอนาคต