ททท. ชวนเที่ยวล่องคลองผดุงฯ ท่องกรุง ชิมของอร่อย
ททท.ชวนสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวกรีนทริป ลดมลพิษ ล่องคลองผดุงฯ ทอดน่องท่องกรุง ชิมของอร่อย ในบรรยากาศคลาสสิกของเมืองบางกอก กับรถไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า แวะกราบพระขอพรวัดเทวราชฯ ชิมของอร่อยตลาดนางเลิ้ง คลายร้อนกับเครื่องดื่มเย็นๆในคาเฟ่เก๋ไก๋ ปิดท้ายด้วยการย้อนอดีตในพิพิธภัณฑ์รถไฟไทยได้แล้ววันนี้
ในโอกาสที่ กรุงเทพมหานคร กลับมาเปิดให้บริการเดินเรือไฟฟ้าในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษมแล้ว เริ่มต้นจากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง สิ้นสุดที่ท่าเรือตลาดเทวราช รวม 11 ท่า ใช้เวลาล่องตลอดเส้นทางเพียงประมาณ 30 นาที ที่สำคัญให้บริการฟรี ตั้งแต่ 15 มีนาคม นี้ เป็นต้นไป
ททท.จึงเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่สนใจ ท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าวนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินทางที่มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง ทางออกที่ 2 แล้วต่อด้วยล่องคลองผดุงกรุงเกษม โดยเรือไฟฟ้า โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่แนะนำดังต่อไปนี้
1. การเดินทางเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง (ทางออก2) เดินไปท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง 100ม.
2. ล่องเรือไฟฟ้า ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ไปถึงท่าเรือตลาดเทวราช ขึ้นเรือแล้วเดินต่อไปวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ผ่านตลาดสดเทวราช (ระยะทางประมาณ 500 เมตร) เรือให้บริการฟรีตลอดสาย ทั้งไปและกลับ ขึ้น-ลงท่าใดก็ได้
3. คลองผดุงกรุงเกษม ขุดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.2394 เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมและขยายเขตพระนครออกไป โดยเชื่อมจากแม่น้ำเจ้าพระยาจากสี่พระยามายังบริเวณวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
4. ถึงวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร มีชื่อเดิมว่า “วัดสมอแครง” ผ่านการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงรับเป็นพระอารามหลวงและพระราชทานนามนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ
– พระอุโบสถ กราบสักการะ “พระพุทธเทวราชปฏิมากร” พระประธานที่งดงาม ปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวารวดี ภายในพระอุโบสถที่วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังลายพื้นสีคราม สลับกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่แปลกไปจากวัดอื่น ๆ คือ ภาพพระภิกษุปลงอสุภกรรมฐานกับซากศพในสภาพต่างๆ เหนือช่องหน้าต่างเขียนภาพเหตุการณ์ตอนเหล่าเทพยดามาชุมนุมกัน
เล่ากันว่าผู้คนนิยมบูชาโดยการถวาย “ผ้าไตร” แทนดอกไม้ธูปเทียน ตามความเชื่อจะสร้างความศักดิ์สิทธิ์ ให้ ผลสัมฤทธิ์ตามที่ปราถนา
– พระมณฑปจัตุรมุข สร้างครอบพระอุโบสถเก่า ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในจัดแสดงพุทธศิลป์ เช่น พระพุทธรูปเก่าโบราณ รอยพระพุทธบาทไม้ประดับมุกเก่าศักดิ์สิทธิ์สมัยกรุงศรีอยุธยา
– ชมพิพิธภัณฑ์สักทอง เสาไม้สักขนาด 2 คนโอบอายุเกือบ 500 ปี ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญจากศรีลังกา มีหุ่นเหมือนสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ขนาดเท่าองค์จริง 19 พระองค์ ให้กราบสักการะ
– สักการะองค์เทวราชเนรมิต หรือที่เรียกกันว่า เทพทันใจ เชื่อกันว่าประติมากรรมองค์เทวราชเนรมิต ปกเกล้าคุ้มภัย อธิษฐานสำเร็จสมปรารถนา ความสูง 1.50 เมตร เป็นองค์เทพประจำวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร มีผู้มาขอพรด้วยการม้วนธนบัตร 2 ใบ สอดไว้ในอุ้งพระหัตถ์แล้วอธิษฐานด้วยการให้หน้าผากจรดนิ้วชี้ของท่าน จากนั้นนำธนบัตรหนึ่งใบใส่ทำบุญ อีกใบประทับยันต์ เก็บกลับไปเป็นที่ระลึก มีคิวยาวหน่อยในวันหยุด แต่วันธรรมดา คนจะน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด (ใช้เวลาอยู่ที่วัดอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความสนใจ)
5.ล่องเรือจากท่าตลาดเทวราช ขึ้นเรือที่ท่านครสวรรค์ เดินข้ามถนนเข้าสู่ตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย ก่อนที่การสัญจรทางน้ำในบางกอกจะโรยราไป เป็นตลาดที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี แหล่งรวมอาหารคาวหวาน และขนมโบราณที่มีชื่อเสียง อาทิ ขนมหวานตำรับชาววัง ร้านนันทาขนมไทย รสมือจากต้นเครื่องวังหลัง และร้านขนมไทยป้าหงส์ หรือแม้แต่ของคาวที่ลือชื่อมากมาย เช่น ร้านรุ่งเรืองบะหมี่ บะหมี่สูตรโบราณแท้สืบทอดสูตรจีนฮกเกี้ยน มีดีที่เส้น ซุปเด่น ขึ้นชื่อด้วยบะหมี่ปูและบะหมี่ซี่โครงหมู และ ร้านบุญเลิศ บะหมี่เกี๊ยว หมูย่าง นอกจากนั้นยังมีเนื้อตุ๋น เย็นตาโฟ ของหากินยากอย่างไส้กรอกปลาแนม และอื่นๆ อีกมากมาย
ภายในตลาดยังมีศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ คู่กับศาลเทพเจ้าจีนที่ผู้คนนิยมมากสักการะ เป็นศาลที่สร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงาม ในตลาดนี้ยังมีศาลาเฉลิมธานี หรือ โรงหนังนางเลิ้ง ซึ่งปิดอยู่แต่พอมองเห็นได้จากภายนอก ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) สถานที่บรรจุอัฐิของมิตร ชัยบัญชา นักแสดงชื่อดังของไทยในอดีต
(ใช้เวลาทานอาหารและเที่ยวชมโดยรอบประมาณ 2 ชม.)
6. ชมตึกเก่า เดินเล่น ถ่ายภาพคู่กับอาคารเก่ารอบตลาดที่ฉาบทาด้วยสีพาสเทลหวาน เรียกความสดชื่นด้วยการหาคาเฟ่เก๋ๆ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆจิบคลายร้อน ซึ่งใกล้กับตลาดนางเลิ้งมีคาเฟ่ชื่อ Buddha and Pals ตั้งอยู่ในตึกเก่าที่เป็นโฮสเทลในชื่อ Kanvela House ภายในตกแต่งแนววินเทจ ถ่ายภาพสวย มีเครื่องดื่มเย็นๆหลากหลายชนิด ก่อนที่คาเฟ่นี้จะกลายร่างเป็นบาร์แจ๊สในยามค่ำคืน ถึงแม้มากลางวันก็สามารถสั่งเครื่องดื่มอื่นๆ ที่สดชื่นได้ ไม่เฉพาะแต่กาแฟ
7. ย้อนอดีตที่หัวลำโพง ลงเรือที่ท่าเรือนครสวรรค์ กลับมาถึงต้นทางท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง แวะถ่ายภาพความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) แบบ Renaissance Revival หรือยุคฟื้นฟูเรอแนซ็องส์ แล้วเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ที่เก็บรวบรวมภาพและสิ่งของของการรถไฟที่เราคุ้นเคยในวัยเด็กได้เป็นอย่างดี อาทิ โปสเตอร์เตือนระวังภัยในการเดินรถไฟ และมีมุมจำลองบรรยากาศเหมือนอยู่บนรถไฟ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ชั้นล่าง จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในกิจการเดินรถไฟและกิจการโรงแรมรถไฟ ซึ่งเป็นของเก่า ทั้งที่มีการใช้งานและบางส่วนเลิกใช้งานแล้ว เช่น จานและโถกระเบื้องในสมัยรัชการลที่ 5 , เครื่องตราทางสะดวก, ลูกตราและห่วงตราทางสะดวก ตั๋วรถไฟแข็ง, อุปกรณ์ในการประทับวันที่ลงบนตั๋ว, โคมตะเกียงให้สัญญาน, เครื่องส่งโทรเลข, เครื่องพิมพ์ดีด นาฬิกาไขลาน, โทรศัพท์แบบหมุน , ตลอดจนม้านั่งที่ทำจากไม้หมอนปลดระวาง เป็นต้น นอกจากนั้นยังจำหน่ายของที่ระลึก ให้กับผู้ที่สนใจในการสะสมหรือมอบเป็นของขวัญของฝากในวาระต่าง ๆ เช่น กรอบรูป ตั๋วรถไฟ เสื้อยืด หมวก กระเป๋า แม่เหล็กติดตู้เย็น กล่องใส่นามบัตร พวงกุญแจ ที่ทับกระดาษ และอื่น ๆ อีกมากมาย เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น. ที่สำคัญ เปิดให้เข้าชมฟรี. (ใช้เวลาชมและถ่ายภาพประมาณ 1 ชม.)
บริการเดินเรือไฟฟ้าทุกวัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย
– วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-09.00 น. และ เวลา 16.00-19.00 น. ความถี่ทุก 20 นาที
– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-19.00 น.
ไปเที่ยวล่องคลองผดุงฯ ทอดน่องท่องกรุง ชิมของอร่อยในบรรยากาศคลาสสิกเมืองบางกอก นอกจากสนุก และประหยัดแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันลดมลภาวะจากการเดินทาง ด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กรุงเทพมหานครอีกด้วย